มันคือหนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรก ๆ ที่ลงโรงฉายนับแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่ทำให้โรงภาพยนตร์ทั่วโลกต้องปิดบริการ และการสร้างภาพยนตร์ต้องหยุดชะงักลง
แต่หนังเรื่องมู่หลานฉบับคนแสดงของค่ายดิสนีย์กำลังเผชิญกับอุปสรรคใหม่ นั่นคือกระแสเรียกร้องให้คว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้จากผู้คนในหลายประเทศแถบเอเชีย
เมื่อปีที่แล้ว หลิว อี้เฟย ผู้สวมบทมู่หลาน ตัวละครเอกของเรื่อง เคยจุดกระแสไม่พอใจให้แฟนหนังจากการแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย
ล่าสุดกลุ่มนักกิจกรรมทั้งในประเทศไทยและไต้หวันต่างออกมาเรียกร้องผู้ชมไม่ให้ตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้
จุดกำเนิดจากฮ่องกง
คุณอาจยังจำได้ถึงเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปีก่อน ซึ่งคนหนุ่มสาวและเยาวชนต่างเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวต่อต้านกฎหมายที่จะเปิดทางให้มีการส่งผู้ร้ายจากฮ่องกงไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่
การประท้วงดังกล่าวได้ขยายขอบเขตไปเป็นการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปด้านประชาธิปไตย และให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องตำรวจใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

หลิว อี้เฟย ผู้สวมบทมู่หลาน จุดกระแสไม่พอใจให้แฟนหนังจากการแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย
ในช่วงนั้นเอง หลิว อี้เฟย ผู้ถือกำเนิดในประเทศจีน และปัจจุบันเป็นพลเมืองอเมริกัน ได้แชร์โพสต์จากหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี ของทางการจีนผ่านทางเว่ยป๋อ (Weibo) โซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน พร้อมแสดงความเห็นว่า
“ฉันสนับสนุนตำรวจฮ่องกง เชิญพวกคุณทั้งหลายมารุมฉันได้เลย ช่างน่าละอายจริงๆ ฮ่องกง” ดาราสาววัย 33 ปี ระบุในโพสต์
จากนั้นไม่นาน แฮชแท็ก #BoycottMulan หรือ คว่ำบาตรมู่หลาน ก็ติดอันดับยอดนิยมในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่ถูกปิดกั้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่พลเมืองจีนต่างแสดงการสนับสนุนดาราสาว
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ทางการเมืองในฮ่องกงยังคงตึงเครียดมาจนถึงปัจจุบัน
ในเดือน เม.ย.ปีนี้ มีนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยชื่อดังหลายคนถูกตำรวจฮ่องกงจับกุม และหนึ่งเดือนต่อมาหน่วยงานตรวจสอบตำรวจระบุว่าไม่พบหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำผิดของตำรวจในช่วงการประท้วงเมื่อปี 2019
เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จีนได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติซึ่งนักวิจารณ์ต่างเรียกว่า “จุดจบของฮ่องกง” เพราะมีบทบัญญัติที่กำหนดให้การกระทำหลายอย่างที่อาจเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เป็นความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรงถึงจำคุกตลอดชีวิต
ด้วยเหตุการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น ทำให้ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญได้ออกมาเรียกร้องให้ “ทุกคนที่เชื่อในหลักสิทธิมนุษยชนคว่ำบาตรมู่หลาน”